มีเพื่อนๆ หลายคน สนใจให้วิจัยเพลงรัก
เพลงรักมีมากมาย
แต่ฉันจะขอเอาเพลงรักอมตะ ยอดนิยม
ที่ครองความประทับใจสูงสุดตลอดกาล
ที่คุณธงไชย แมคอินไตย์ นำไปขับร้อง
มาเจรไนวรรคทองเพลงรักเหล่านั้น
ให้ชื่นชมกัน..............
และหวังว่า จะชอบนะจ๊ะ
(ถ้าอยากได้เนื้อเพลงเต็มๆ ก็บอกมา)
(ส่วนจะฟังเพลง น่าจะมีในยูทูป)
คุณเบิร์ด เขียนไว้ว่า
"เพลงคือเพื่อนเตือนจิตให้คิดถึง
เพียงเพลงหนึ่งงดงามในความหลัง
เล่าและร้องทำนองนั้นสู่กันฟัง
เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนอยู่ไม่รู้ลืม"
ขอเริ่มด้วย ประโยคน่ารักๆ
จากปลายปากกาของ คุณเจมส์ แมคอินไตย์
ในเพลง "บ้านหลังน้อย"
"ดอกลำดวนนั้น น่าสงวนกว่าดอกอื่น
กลิ่นระรื่น เมื่อลมโชยโบกโบยมา
เร้าอุรา ให้เราคะนึงถึงความหลัง....."
ได้กลิ่นก็คิดถึง........
"มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้วต้องตรมฤทัย...."
จากเพลง "ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก"
ฝีมือของ คุณชาลี อินทรวิจิตร
ก็บอกให้รู้ว่า ถ้ามีรัก ก็มีทุกข์ เป็นธรรมดา
กลิ่นกายก็เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ที่น่าหลงไหล
ไม่แพ้กลิ่นดอกไม้เลย..........
"ขาดเจ้าไป หัวใจพี่เฝ้าโศกครวญ
กลิ่นแก้มเนื้อนวล ยังชวนให้พี่ฝันไฝ่...."
จากเพลง "ในอ้อมกอดพี่" ของคุณ ป.วรานนท์
"จริต จรรยา โสภาทุกท่าเทพี
สมเป็นสตรี โสภีเวียงฟ้าเมืองอินทร์"
รูป จริต จรรยา ก็เข้ามามีบทบาทเหมือนกัน
จากเพลง "ดอกไม้เมืองกรุง" ของ คุณพิพัฒน์ บริบูรณ์
แรกรักกัน บางทีก็เป็นเช่นนี้
"ที่รัก นะรัก แต่ใจมิกล้า ที่ช้า นะช้า มิกล้าเผยคำ
ที่คิด นะคิด กลัวอกจะช้ำ เอ่ยคำ แล้วเจ้าจะทำช้ำใจ"
คุณสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ เขียนไว้ในเพลง "ที่รัก"
เขาเรียกว่า รักแบบลูกหมาตกมัน ๕๕๕
บางที ก็ได้แต่มองตา.....จนสายเกินแก้
"ยามเมื่อเราเจอกัน เธอสบตาฉันเหมือนหนึ่งทักทาย
ทำให้ใจฉันหาย รู้สึกคล้ายๆ ฉันมีปมด้อย...."
เพลง "ภาษาใจ" โดยคุณสุรพล โทณะวนิก
หวังว่า เธอ คงไม่เป็นอย่างนี้นะครับ
แล้วหัวใจ ก็เริ่มกระสับกระส่าย
"โอ้ใจรักเธอ คิดถึงเธอ เฝ้าครวญหา
โอ้ใจนะเออ ไยละเมอถึงเธอร่ำไป....."
"ใจรัก" ฝีมือเขียนของ คุณปัญญา ประดิษฐ์ธรรม
บางที ยังฝันอยากให้ตัวเองเป็นนก จะได้บินไปหาเธอ....(เริ่มประสาท)
"หากดวงใจฉันมีปีกบิน เหลิงลอยเมฆินทร์ได้ดั่งฝัน
จะอยู่ไหนไม่เคยหวั่น ฉันบินมาพลันอยู่ใกล้เธอ"
เพลง "ถ้าหัวใจฉันมีปีก" ฝีมือ คุณทวีพงศ์ มณีนิล
บางที ก็บ้า......ฝากลม เหอะ เหอะ
ในเพลง "พี่ยังรักเธอไม่คลาย" ของคุณสง่า อารัมภีร์
"สายลมพริ้ว จูบเธอ มิใช่อื่นใด โปรดจำไว้ นั่นคือลมจูบจากพี่"
บางที ก็เพ้อถึงชาติหน้า.....ไปโน้น.....
"ถึงจะสิ้นวิญญาณกี่ครั้ง ฉันก็ยังรักเธอฝังใจ....."......บ้าเข้าไป.....
จากฝีมือของคุณสุรพล โทณะวนิก ในเพลง "รักไม่รู้ดับ"
ก็ต้องรีบบอกเธอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เหมือนกับเพลง "รักคุณเข้าแล้ว" ของคุณสุนทรียา ณ เวียงกาญจน์
ที่ว่า "รักคุณเข้าแล้วเป็นไร รักจนคลั่งไคล้จริงจัง
คุณรักใตรหรือยัง ฉันใด....."
อย่ามัวชักช้า..........
แล้วก็....บอกเธอไปเลย ว่า....
"ฉันเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น แล้วเธอเล่าฝัน คนเดียวแค่ฉันหรือเปล่า?"
ผลงานของคุณพยงค์ มุกดา ในเพลง "ฉันเป็นของเธอ"
ไม่ให้พลาดเชียววววว
สัญญาจากใจ มัดกันไว้ให้แนบแน่น
"เช่นตะวันนั้นยังคงตรงต่อเวลา แน่นอนนัก รักท้องฟ้าสม่ำเสมอ
เช่นกับฉันมั่นคงตรงต่อเธอ ฉันรักเธอเสมอชั่วนิจนิรันดร์"
จากเพลง "รักเธอเสมอ" ของคุณชาลี อินทรวิจิตร
บอกอีกซักนิด เพื่อความมั่นใจ
"อยากให้เป็นของเธอ ชั่วฟ้าดินได้ อย่ามีอันใด พรากไปไกลกัน"
ซึ้งจริงๆ........ไม่รักจะทนไหวหรือ?
ในเพลง "ชั่วฟ้าดินสลาย" ของคุณทวี ณ บางช้าง
แถมอีกสักหน่อย ให้เธอเห็น.......
"ด้วยความรักไม่รู้จบ แม้ผืนดินกลบ ยากลบความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วัน กี่ปี กี่เดือน ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือนรักเธอ"
รักอะไรหนอ....จะขนาดนี้
จากเพลง "ความรักไม่รู้จบ" ผลงานของคุณสาโรจน์ เสมทรัพย์
ความรักนี้ ช่างรุนแรงเหลือเกิน
"ยามเช้า พี่ก็เฝ้าคิดถึงน้อง ยามสาย พี่หมายจ้องเที่ยวมองหา
ยามบ่าย พี่วุ่นวายถึงกานดา ยามเย็น ไม่เห็นหน้า ผวาทรวง"
คำร้องของคุณวังสันต์ ในเพลง "ยามรัก"
บางครั้ง ก็เห็นเธออยู่บนฟ้า อันแสนไกล
"กิ่งฟ้าช่อนี้ เจ้ามีราคา หากพี่จะคว้า พี่คงได้มาแค่เพียงลมๆ"
น่าสงสาร.......
ผลงานของคุณจิระ โหระบุตร ในเพลง "กิ่งฟ้า"
หรือ.........
"เธอเป็นดอกฟ้า รู้ไหมว่าเรา้ป็นดั่งทาสเทวี
แม้นไม่ปราณี ทาสนี้คงระทมอยู่ร่ำไป"
จากเพลง "ทาสเทวี" โดยคุณสง่า อารัมภีร์
ดังนั้น ความรักจึงปนมากับความผิดหวัง
ซึ่งแล้วแต่ แต่ละบุคคล.........
ในพฤติกรรม จังหวะและเวลา
โลกจึงน่ารักอย่างนี้........
บางคนกล่าวอ้าง........
"หากมิใช่คู่ครองแท้จริง จะแอบอิงรักยิ่งปานใด
ยากนักที่จะสมใจ คงพบเหตุอาเพทภัย พลัดกันไปจนให้คลาดคลา"
ผลงานของคุณแก้ว อัจฉริยะกุล ในเพลง "พรหมลิขิต"
แต่เวลาผิดหวังในรัก ก็มักจะถามตัวเองว่า.......
"ขาดดวงใจ
โอ้ ชีวิตจะดำเนินได้อย่างไร?
โอ้ ชีวิตจะดำเนินเพื่ออะไร?
โอ้ ชีวิตใยมืดมน พ้นทางเดิน"
คุณเรวัต พุทธินันทน์ เขียนไว้ในเพลง "ความรักเพรียกหา"
ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่......
"ฝากรักเอาไว้ในเพลงสักคำ ขอให้เธอจดจำเอาไว้
เพื่อจะได้คอยเตือนหัวใจ ว่าเราเคยได้รักกัน..."
"ฝากรักไว้ในเพลง" บุญช่วย กมลวาทิน เขียน
บางคนก็โทษ...ประเพณี วาสนา ความจน สารพัด.........
ซึ่งคุณสุทิน เทศารักษ์ เขียนไว้ในเพลง "ม่านประเพณี" ว่า
"มีเวรกรรม ทั้งศีลธรรมปกป้อง จำทนหม่นหมอง ยามต้องร้างรา
จากไปแล้ว โอ้ขวัญตา สิ้นวาสนา ชาติหน้าคงพบกัน...."
แล้วก็ ฆ่าตัวตาย........ทำบาปให้กับคนรอบข้างเสียงั้น
สำหรับ คนๆนี้ ค่อยยังชั่ว ที่มีสติ
"ขอจำ จำจนวันตาย จำคนหลายใจร้อยเล่ห์ลวงคำ
ฉันเกือบเสียคนเพราะคนใจดำ ฉันเกือบถลำสิ้นความเป็นคน"
มนัส ปิติสานต์ เขียนใน "ไม่มีเสียงเรียกจากใจ"
แต่ชีวิต ต้องดำเนินต่อไป......
ต้องสู้กับอุปสรรคให้ถึงที่สุด และเดินอย่างทรนง เพราะ......
"ตะเกียกตะกาย หนีรักไม่พ้นเสียที ทั้งๆ ที่เข็ดรักเหลือหลาย
สู้หลีกลี้ หนีพ้นเพียงกาย แต่ใจไม่วาย จะคิดจะใฝ่..."
มันคือ ความจริง.......
จากรอยปากกาของ อ.กวี สัตโกวิท ที่เขียนไว้ใน "หนีรัก"
บางที..........
"ฉันเคยพลาดหวังในรักมาครั้งหนึ่ง
พิษแห่งความร้าว ยังตรึงแนบอุรา
เกือบตัดสินใจ ไม่ยอมรักใครจนสิ้นชีวา
พอพบเธอ นิจจา หัวใจเจ้ากรรมก็เกิดหวั่นไหว...."
มันเป็นซะอย่างนี้แหละหนา.......ความรัก
คุณเนรัญชรา เขียนไว้ใน "พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอจนตาย"
บางโอกาส......
"แปลกใจหนักหนา เธอมาปลุกชีวิตฉัน
เธอมา มอบรักนิรันดร์ เธอมา อดีตพลันมลาย..."
คุณจันทนีย์ อูนากูล เขียนอย่างน่ารักใน "เธอ"
แสดงว่า ทุกคนมีโอกาสใหม่เสมอ
อย่าสิ้นหวังนะครับ
สู้ สู้ สู้ อุปสรรค สอนให้เราเข้มแข็ง
ทุกสิ่งมีเกิด และดับตลอดเวลา
บางครั้ง ก็สมหวัง และบางครั้ง ก็ผิดหวัง
แต่ครั้งต่อๆไป พรุ่งนี้ย่อมต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน หากเธอมีสติ
คุณพยงค์ มุกดา เขียนไว้ใน"คนจะรักกัน"
ความรักมีพลานุภาพ ดื่มซึ้งซึมซาบ ตราบเท่าชีวิตเรานั่น
ห้ามน้ำไม่ไหล ห้ามไฟมิให้มีควัน
ห้ามอาทิตย์ ห้ามดวงจันทร์หยุดแค่นั้น ค่อยห้ามดวงใจ"
ก็ขอให้เธอพบแต่ความรัก ที่สดใส สมใจ !!!
วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
รักในต่างแดน.........
จากความเพียรเล็กๆ ทำให้ฉันได้ไปเรียน และทำงานในต่างแดน
ฉันก็เลยผูกมิตรด้วยบรั่นดี กับชอกโกแลต
มีเพื่อนเมามาย และมากมาย
จนหลายคนลืมว่ามีฉันอยู่ตรงนั้น.......
รถไฟฟ้าช่วงเร่งรีบ ใน กทม.ใกล้จะมีสภาพเหมือนที่ฉันได้เจอที่นั่น
เวลามองภาพมุมสูง ผู้คนวิ่งขลักไขว่ เหมือนมดแตกรัง
ในรถ....เบียดเสียดยัดเยียดยิ่งกว่าปลากระป๋อง
หลายครั้งที่เจอเธอ(ยิ่งกว่าดาราที่ชื่นชม) ตอนกลับบ้าน
ตัวแนบตัว...หายใจระรวยรดต้นคอ จะเลี่ยงก็ไม่ได้
(นึกภาพที่เธอกำลังสโลว์ซบซิ)
ยิ้ม.....ยิ้มให้กัน นัยตาทักทาย ส่วนล่างบางส่วนก็ทักทาย
(บรรยายให้เห็นภาพ.....อย่าหาว่าฉันลามก)
และแล้ว.....คำพูดเล็กๆ ก็หลุดจากปาก โดยไม่ได้นัดหมาย
"ไฮ้........." ต่างก็ยิ้มกว้างขึ้น
"กำลังจะไปไหนครับ ?"
"โอ๊ะ....ลงที่เดียวกันเลยนะ"(ทั้งๆที่ไม่ใช่)
และแล้ว ก็นั่งจิบกาแฟ...สนทนาตามภาษาคนสนิทแนบแน่น
ความรักก็มักเกิดขึ้นตรงนั้น(ไม่รู้ว่าเรียกอย่างนั้นได้หรือเปล่า?)
ฉันก็เลยมีมิตรรัก เป็นคนพาเที่ยวหลายคน และหลายคน
ที่สำคัญเธอรู้...และต้องการให้ฉันอยู่ตรงนั้น
เดินคลอเคลียโอบกายแนบชิด ท่ามกลางหิมะโปรยปราย
(ความหนาวเป็นใจ ฮิฮิ)
นั่งริมชายหาด ริมสวน ริมหน้าต่าง
จิบบรั่นดีกับชอคโกแลต บางครั้งกับฝนฝอยๆ (โรแมนติกอย่าบอกใคร)
ล้วนแต่ทำให้เพื่อนต่างแดน มึนงงและอิจฉา
มันเป็นธรรมดา ที่เรามักจะชอบคนที่มาจากดาวอังคารที่เราไม่รู้จัก
อีกหน่อยไม่นานเกินรอ........
ฉันอาจจะพบเธอบนรถไฟฟ้าสายสีลม
วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
รักในมอ........
ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย
สนุกสุดเหวี่ยง ด้วยกิจกรรมที่มากล้นรำพัน
ดนตรี กีฬา ที่เคยชอบ
เพิ่มเติมด้วย.......
ละคร ซ้อมเชียร์ เข้าชมรม เข้าค่าย
โยนโบว์ ตีสนุ๊ก ติดอ่าง เก๊าเก
นั่งสามแยกปากหมา เมาท์แตกแหย่เพื่อนสาวที่เดินผ่าน
จนลืมไปว่า เธอคนนั้นอยู่ไหน
จนลืมไปว่า มาเรียน
ผลสอบกลางปี เอฟไป สองตัว
เอาละซี.....ทำไงดีล่ะ
ต้องหาตัวช่วย ต้องจัดเวลา
เริ่มที่ตัวเอง......(เริ่มเห็นสัจจธรรม)
ตั้งเวลาตื่นตีสองครึ่ง อ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตีห้า ปิดหนังสืองีบสักสองชั่วโมง
จากนั้นก็ไปมอ.....ไปเล่นเหมือนเคย
แต่....มีพี่ๆ เพื่อนๆ และสาวๆ ที่ห่วงใย มาเป็นติวเตอร์(ตัวช่วย)
พัวพัน นัวเนีย ผูกพัน ได้เรื่องบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง
ตกเย็นก็ไปกินข้าวใกล้อ่าง...
(เพื่อนที่เป็นคนดูแล....จัดข้าวปลาอาหารให้เสร็จสรรพ)
แล้วก็เลยไปทำงานต่อ(เล่นดนตรี)
มีกิ๊กมากมาย.......๕๕๕
ทำให้รักในเสียงดนตรี
ทำให้รักการอ่าน
ทำให้รักการออกกำลังกาย
ทำให้รักในสัจจธรรม
ทุกสิ่งไม่แน่นอน มีมาก็มีไป(เริ่มศึกษาธรรม)
ทำให้รักตัวเองมากขึ้น
และก็ตั้งความหวังไว้ว่า หลังสี่สิบจะเริ่มผูกพัน
และหาตัวช่วยเข้าบ้าน.........
ปัจจุบัน....ให้เป็นปัจจุบัน
ดู.....อะไรๆที่เป็นจริง
ผลสอบต่อๆมา ไม่น่าห่วงใย
แม้จะเรียนมาก เล่นมาก
ขลุกขลิก นัวเนีย ผูกพันมาก ก็ดูธรรมดาไปซะแล้ว
เลยต้องไปเป็นตัวช่วยให้น้องๆ น่ารักๆ ๕๕๕
สนุกสุดเหวี่ยง ด้วยกิจกรรมที่มากล้นรำพัน
ดนตรี กีฬา ที่เคยชอบ
เพิ่มเติมด้วย.......
ละคร ซ้อมเชียร์ เข้าชมรม เข้าค่าย
โยนโบว์ ตีสนุ๊ก ติดอ่าง เก๊าเก
นั่งสามแยกปากหมา เมาท์แตกแหย่เพื่อนสาวที่เดินผ่าน
จนลืมไปว่า เธอคนนั้นอยู่ไหน
จนลืมไปว่า มาเรียน
ผลสอบกลางปี เอฟไป สองตัว
เอาละซี.....ทำไงดีล่ะ
ต้องหาตัวช่วย ต้องจัดเวลา
เริ่มที่ตัวเอง......(เริ่มเห็นสัจจธรรม)
ตั้งเวลาตื่นตีสองครึ่ง อ่านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตีห้า ปิดหนังสืองีบสักสองชั่วโมง
จากนั้นก็ไปมอ.....ไปเล่นเหมือนเคย
แต่....มีพี่ๆ เพื่อนๆ และสาวๆ ที่ห่วงใย มาเป็นติวเตอร์(ตัวช่วย)
พัวพัน นัวเนีย ผูกพัน ได้เรื่องบ้าง ไม่ได้เรื่องบ้าง
ตกเย็นก็ไปกินข้าวใกล้อ่าง...
(เพื่อนที่เป็นคนดูแล....จัดข้าวปลาอาหารให้เสร็จสรรพ)
แล้วก็เลยไปทำงานต่อ(เล่นดนตรี)
มีกิ๊กมากมาย.......๕๕๕
ทำให้รักในเสียงดนตรี
ทำให้รักการอ่าน
ทำให้รักการออกกำลังกาย
ทำให้รักในสัจจธรรม
ทุกสิ่งไม่แน่นอน มีมาก็มีไป(เริ่มศึกษาธรรม)
ทำให้รักตัวเองมากขึ้น
และก็ตั้งความหวังไว้ว่า หลังสี่สิบจะเริ่มผูกพัน
และหาตัวช่วยเข้าบ้าน.........
ปัจจุบัน....ให้เป็นปัจจุบัน
ดู.....อะไรๆที่เป็นจริง
ผลสอบต่อๆมา ไม่น่าห่วงใย
แม้จะเรียนมาก เล่นมาก
ขลุกขลิก นัวเนีย ผูกพันมาก ก็ดูธรรมดาไปซะแล้ว
เลยต้องไปเป็นตัวช่วยให้น้องๆ น่ารักๆ ๕๕๕
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
รักในมัธยม
แล้วเธอก็เข้ามา........
เมื่อฉันได้เรียนห้องเดียวกับเธอ
เราเหมือนญาติสนิท
ทุกเสาร์ อาทิตย์........
เราไปเรียนพิเศษแถวสยาม...
พ่อของเธอ จะมาส่ง และรับ
ฉันก็ติดรถกลับไปด้วย
ที่บ้านเธอ....
แม่ของเธอ ก็เตรียมอาหาร ขนม
และแล้ว......
ฉัน เธอ คุณพ่อคุณแม่ของเธอ ก็สนิทแนบแน่น
เหมือนครอบครัวเดียวกัน
เธอเป็นลูกคนเดียว.......
ฉันบ้าเรียน บ้ากิจกรรม พอๆกัน
ฉันแข่งฟุตบอลล์ เธอกับพ่อและแม่ ก็มานั่งดู
ฉันประกวดดนตรี เธอกับพ่อและแม่ ก็มาให้กำลังใจ
ฉันวาดรูปส่งประกวด เธอกับพ่อและแม่ ก็มาชื่นชม
ไม่ว่าฉันจะทำอะไร...
เธอกับพ่อและแม่ ก็จะมีส่วนร่วมด้วยเสมอ
แต่........
ด้วยกิจกรรมมากขึ้น ตามอายุ
ยิ่งใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย
เรา......
ก็เริ่มห่าง ห่าง และห่างออกไป
เพราะทุกเย็น ฉันต้องซ้อมบอลล์
เสาร์ อาทิตย์ก็รวมกลุ่มเพื่อนเล่นดนตรี
รับจ้างเล่นงานต่างๆ ได้เงินเพลิดเพลิน
ฉันก็คิดถึงเธอนะ
บางครั้ง เธอก็มาเชียร์ มาดู มานั่งร้องเพลงด้วย
เธอก็คงคิดถึงฉันเหมือนกัน
ในระยะหลังๆ......
เสาร์ อาทิตย์ไหน ที่พ่อกับแม่ ไม่อยู่บ้าน
เธอมักจะชวน ให้ไปดูหนังสือที่บ้านเธอ
เราขลุกอยู่ในห้องของเธอ
แต่ไม่ได้ดูหนังสือ
คุย....กอด....หอมแก้ม
แต่ไม่มีอะไรเกินเลย
เพราะฉันมีความคิดว่า.....
ถ้ารักกัน ต้องให้เกียรติกัน
และเราสัญญาว่า จะเรียนให้จบมหาวิทยาลัยเร็วๆ
และจะแต่งงานกัน
เพราะเธอกุมมือของฉัน บอกว่า รักฉัน
และฉันก็มีใจกับเธอ.....
แล้ว........
ฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ
เธอก็สอบได้ แต่ได้คณะที่พ่อเธอไม่ชอบ
แล้วเธอก็ถูกส่งไปอยู่กับป้าเธอ ที่อเมริกา
เราจดหมายถึงกัน....บ่อย
จนฉันรู้ว่า เธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง
เธอคงเรียนหนัก
เมื่อฉันเริ่มปีสอง
จดหมาย ก็ค่อยๆหายไป....เงียบ
ฉันจำได้ว่า จดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันเขียน
ฉันทวงถามจดหมายตอบ และบอกความคิดถึง
แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร
เพราะกำลังดังจากความบ้ากิจกรรม
จนบัดนี้ ก็ยังไม่ได้คำตอบ
แล้วก็ไม่รู้จะไปถามใคร
พ่อและแม่ของเธอ ก็ตามเธอไป
นัยว่า...จะไม่กลับมากรุงเทพอีกเลย
บ้านที่ฉันเคยไปกิน ไปนอนเล่น ก็ถูกสร้างเป็นคอนโด
ฉันก็เลย.........
..........เคว้งคว้าง !
เมื่อฉันได้เรียนห้องเดียวกับเธอ
เราเหมือนญาติสนิท
ทุกเสาร์ อาทิตย์........
เราไปเรียนพิเศษแถวสยาม...
พ่อของเธอ จะมาส่ง และรับ
ฉันก็ติดรถกลับไปด้วย
ที่บ้านเธอ....
แม่ของเธอ ก็เตรียมอาหาร ขนม
และแล้ว......
ฉัน เธอ คุณพ่อคุณแม่ของเธอ ก็สนิทแนบแน่น
เหมือนครอบครัวเดียวกัน
เธอเป็นลูกคนเดียว.......
ฉันบ้าเรียน บ้ากิจกรรม พอๆกัน
ฉันแข่งฟุตบอลล์ เธอกับพ่อและแม่ ก็มานั่งดู
ฉันประกวดดนตรี เธอกับพ่อและแม่ ก็มาให้กำลังใจ
ฉันวาดรูปส่งประกวด เธอกับพ่อและแม่ ก็มาชื่นชม
ไม่ว่าฉันจะทำอะไร...
เธอกับพ่อและแม่ ก็จะมีส่วนร่วมด้วยเสมอ
แต่........
ด้วยกิจกรรมมากขึ้น ตามอายุ
ยิ่งใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย
เรา......
ก็เริ่มห่าง ห่าง และห่างออกไป
เพราะทุกเย็น ฉันต้องซ้อมบอลล์
เสาร์ อาทิตย์ก็รวมกลุ่มเพื่อนเล่นดนตรี
รับจ้างเล่นงานต่างๆ ได้เงินเพลิดเพลิน
ฉันก็คิดถึงเธอนะ
บางครั้ง เธอก็มาเชียร์ มาดู มานั่งร้องเพลงด้วย
เธอก็คงคิดถึงฉันเหมือนกัน
ในระยะหลังๆ......
เสาร์ อาทิตย์ไหน ที่พ่อกับแม่ ไม่อยู่บ้าน
เธอมักจะชวน ให้ไปดูหนังสือที่บ้านเธอ
เราขลุกอยู่ในห้องของเธอ
แต่ไม่ได้ดูหนังสือ
คุย....กอด....หอมแก้ม
แต่ไม่มีอะไรเกินเลย
เพราะฉันมีความคิดว่า.....
ถ้ารักกัน ต้องให้เกียรติกัน
และเราสัญญาว่า จะเรียนให้จบมหาวิทยาลัยเร็วๆ
และจะแต่งงานกัน
เพราะเธอกุมมือของฉัน บอกว่า รักฉัน
และฉันก็มีใจกับเธอ.....
แล้ว........
ฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ
เธอก็สอบได้ แต่ได้คณะที่พ่อเธอไม่ชอบ
แล้วเธอก็ถูกส่งไปอยู่กับป้าเธอ ที่อเมริกา
เราจดหมายถึงกัน....บ่อย
จนฉันรู้ว่า เธอได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง
เธอคงเรียนหนัก
เมื่อฉันเริ่มปีสอง
จดหมาย ก็ค่อยๆหายไป....เงียบ
ฉันจำได้ว่า จดหมายฉบับสุดท้ายที่ฉันเขียน
ฉันทวงถามจดหมายตอบ และบอกความคิดถึง
แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร
เพราะกำลังดังจากความบ้ากิจกรรม
จนบัดนี้ ก็ยังไม่ได้คำตอบ
แล้วก็ไม่รู้จะไปถามใคร
พ่อและแม่ของเธอ ก็ตามเธอไป
นัยว่า...จะไม่กลับมากรุงเทพอีกเลย
บ้านที่ฉันเคยไปกิน ไปนอนเล่น ก็ถูกสร้างเป็นคอนโด
ฉันก็เลย.........
..........เคว้งคว้าง !
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)